Book Review : อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่

Pui Sasakorn
1 min readDec 22, 2020

--

อิคิไก เป็นปรัชญาการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นที่เราเคยได้ยินกันมานานหลายปี ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ ฉันมองว่ามันค่อนข้างยิ่งใหญ่จนไกลตัวพอสมควร เพราะส่วนใหญ่เค้ามักยกอิคิไกมาคู่กับตัวอย่างสุดยอดอย่างคุณปู่จิโร่ ผู้อุทิศตัวให้การทำซูชิ

เรามาลองมองโลกกันแบบกลางๆ ด้วยสายตาของคนธรรมดาที่อาจไม่ได้ถึงกับมีความฝันอยากเปลี่ยนโลก ก็ต้องยอมรับว่า คนแบบคุณปู่จิโร่ไม่ได้มีกันเยอะแยะ ถึงซัก 1% ของประชากรโลกใบนี้รึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะแบบนั้นที่ผ่านมาฉันเลยทึกทักเอาเองว่าอิคิไกเป็นเรื่องของยอดมนุษย์ มันไม่เหมาะกับคนธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าความหมายของคำว่าอิคิไกมันก็ช่างหอมหวาน… น่าดึงดูดใจไม่ว่ากับใครทั้งนั้นจริงๆ

จนกระทั่งวันที่ฉันพกพาเอาหนังสือเล็กๆ เล่มนี้ “อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่” ออกเดินทางไกลไปด้วยกัน

ถ้อยความในหนังสือเล่มนี้เรียงร้อยแบบง่ายๆ เพื่อประกาศตัวชัดว่า อิคิไกไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น และที่จริงแล้วมันเริ่มต้นง่ายๆ จากสิ่งเล็กๆ รอบตัว

หนังสือเล่มนี้พูดถึงเสาหลัก 5 ประการของอิคิไก และเน้นย้ำ 5 ข้อนี้อยู่ตลอดทั้งเล่ม

  1. เสาหลักประการแรก คือ การเริ่มต้นเล็กๆ
  2. เสาหลักประการที่สอง คือ การปลดปล่อยตัวเอง
  3. เสาหลักประการที่สาม คือ ความสอดคล้องและยั่งยืน
  4. เสาหลักประการที่สี่ คือ ความสุขกับสิ่งเล็กๆ
  5. เสาหลักประการที่ห้า คือ การอยู่ตรงนี้ ตอนนี้

อย่างที่หลายๆ คนรู้กันมาก่อนแล้วว่าอิคิไก แปลความหมายง่ายๆ ว่าความหมายของการมีชีวิตอยู่ หรือเหตุผลที่ทำให้เราตื่นขึ้นมาในแต่ละวัน… แต่ความหมายง่ายๆ นั้นกลับหนักอึ้งในความเป็นจริง เพราะมันฟังดูต้องยิ่งใหญ่มากๆ ในความรู้สึก

แต่หนังสือเล่มนี้กลับบอกว่า

“อิคิไกสถิตอยู่ในดินแดนแห่งสิ่งเล็กๆ อากาศยามเช้า กาแฟแก้วหนึ่ง
แสงแดดส่องมา การนวดเนื้อปลาหมึกยักษ์

มีเพียงผู้ที่สามารถรับรู้ถึงความรุ่มรวยหลากหลายทั้งปวงนี้เท่านั้น จึงจะสามารถชื่นชมและเพลิดเพลินไปกับมัน

นี่คือบทเรียนสำคัญของอิคิไก ในโลกที่คุณค่าในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และความรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองถูกกำหนดโดยความสำเร็จ ผู้คนมากมายกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันโดยไม่จำเป็น คุณอาจรู้สึกไปว่าระบบคุณค่าทั้งหลายล้วนให้ค่า และตัดสินกันเพียงแค่ว่ามันแปลงไปเป็นความสำเร็จที่จับต้องได้ ยกตัวอย่างเช่น การเลื่อนตำแหน่ง หรือการลงทุนที่งอกงาม

เอาล่ะ สบายใจได้
คุณสามารถมีอิคิไก-คุณค่าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองไปในแนวนั้น”

ข้อความเหล่านี้ค่อยๆ เปิดหัวใจของฉันออกทีละน้อย ว่าแท้จริงแล้วอิคิไกอาจไม่ได้ยากขนาดนั้น แน่ล่ะว่ามันไม่ง่ายหรอก แต่ความรู้สึกที่ว่าอิคิไกมีไว้สำหรับยอดมนุษย์นั้นก็ค่อยๆ จางลงนิดหน่อย

หนังสือเล่มนี้ยกตัวอย่างเคสของหลายๆ คนและหลายบริษัทมากๆ ให้เราเห็นการทำงานหรือใช้ชีวิตเพราะอิคิไก ทำให้เราเห็นภาพของอิคิไกได้ชัดขึ้นอีกนิด

แต่ส่วนที่ฉันชอบจริงๆ คือการสอดแทรกหลายๆ ครั้งเพื่อจะบอกเราว่าอิคิไกไม่ใช่เรื่องยาก และสามารถเริ่มทำได้จากสิ่งเล็กๆ ที่มาจากเสาหลักทั้งห้าประการนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น

  • การพูดถึง flow หรือภาวะลื่นไหลในการทำงาน ซึ่งแปลว่าเรากำลังง่วนอยู่กับอะไรบางอย่างอย่างเพลิดเพลิน เป็นวิธีหนึ่งในการหาความสุขจากการทำงาน ทำให้งานมีความหมายในตัวมันเอง มากกว่าจะเป็นแค่สิ่งที่ต้องอดทนทำๆ ไป เมื่ออยู่ในสภาวะนั้นแปลว่าคุณละตัวเอง ไม่ได้คิดถึงตัวเอง เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราไม่ได้ทำงานเพียงเพื่อหาเลี้ยงชีพอย่างเดียว
  • ในชีวิต บางครั้งเราก็จัดลำดับและให้ความสำคัญผิดไป เรามักจะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อจะได้รางวัล ถ้ารางวัลไม่ได้มากองรอตรงหน้า เราก็ผิดหวัง เลิกสนใจ และเลิกล้มความมุ่งมั่นที่จะทำงาน นั่นเป็นวิธีการทำงานที่ผิด ปกติแล้วมันอาจมีความล่าช้าบ้างระหว่างการกระทำและผลตอบแทน แม้ว่าคุณจะทำงานดีๆ ได้สำเร็จ แต่ผลรางวัลก็อาจจะยังไม่ได้มากองรออยู่ตรงหน้า… ถ้าคุณสามารถทำให้กระบวนการแห่งความพยายาม กลายเป็นแหล่งปฐมภูมิของความสุข ก็แปลว่าคุณได้บรรลุถึงสิ่งที่ท้าทายที่สุดในชีวิตแล้ว
  • การเล่นดนตรีโดยไม่มีใครฟัง วาดรูปโดยไม่มีใครดู เขียนเรื่องสั้นโดยไม่มีใครอ่าน ความสุขที่เกิดขึ้นภายในและความพึงพอใจในตัวเองก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไป
  • คุณจำเป็นต้องค้นหาอิคิไกในสิ่งเล็กๆ คุณต้องเริ่มต้นเล็กๆ คุณต้องอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ สำคัญที่สุดก็คือ คุณไม่สามารถหรือไม่ควรไปกล่าวโทษสภาพแวดล้อมว่าที่นั่นที่นี่ไม่มีอิคิไก (ในหนังสือยกตัวอย่างว่าแม้แต่ระบอบเผด็จการแบบเกาหลีเหนือ คุณก็สามารถมีอิคิไกได้) เพราะในท้ายที่สุด มันขึ้นอยู่กับคุณเองที่จะค้นพบอิคิไกของคุณในวิถีทางของคุณ
  • ในการจะมีสัมผัสแห่งอิคิไกอันทรงพลัง คุณจำเป็นต้องรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิต ซึ่งบริษัทที่มีแนวคิดในการทำงานหนักอย่างหามรุ่งหามคำแบบญี่ปุ่นนั้นทำได้ยาก ชาวญี่ปุ่นที่เป็นมนุษย์เงินเดือนจำนวนมากจึงมีแนวโน้มในการลาออกจากการเป็น salaryman ออกมาทำอะไรบางอย่างของตัวเอง เปิดบาร์ญี่ปุ่น เปิดร้านอาหารเล็กๆ อาชีพเหล่านี้เป็นภาคขยายของอิคิไก นั่นคือ พวกเขาหวังว่าจะหารายได้เลี้ยงชีพจากการทำอะไรบางอย่างที่พวกเขาหลงใหล บางอย่างที่พวกเขาสนใจและรู้สึกเติมเต็ม ซึ่งถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง มันแปลว่าคุณสามารถมีอิคิไกกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากบริบทของงานประจำก็ได้ มันอาจเป็นงานอดิเรก เป็นอาชีพที่สอง หรือกิจกรรมพิเศษท่ีทำให้คุณมีความสุขกับชีวิต

เมื่ออ่านหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้จบลง ฉันคิดว่าตัวเองรู้จัก “อิคิไก” ในอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นแง่มุมที่ธรรมดามากขึ้น และไม่ได้ยิ่งใหญ่เกินเอื้อมถึง

แน่นอนว่าถ้าอยากทำความรู้จัก “อิคิไก” ให้ดีกว่านี้ ฉันคงต้องค่อยๆ ลองค้นหาอิคิไกในแบบของตัวเอง ด้วยวิถีทางของตัวเองดู

ถ้าวันหนึ่งฉันค้นพบมัน
ฉันเชื่อว่ามันจะสะท้อนให้เห็นความ “ง่ายและงาม” ของชีวิต

--

--

Pui Sasakorn
Pui Sasakorn

Written by Pui Sasakorn

นักฝัน นักอ่าน นักเดินทาง นักทำหนังสือ ที่ยังคงมีความสุขกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

No responses yet