Book Review : 5 จุดบอดที่ทำให้คนในทีมคุณทำงานด้วยกันไม่ได้
The Five Dysfuntions of a Team คือชื่อภาษาอังกฤษของหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่บอกเล่าถึงปัจจัย 5 อย่างที่เป็นสาเหตุทำให้ทีมงานทำงานกันแบบไม่ราบรื่น
หนังสือบอกเล่าเรื่องราวแบบนิยาย คือ มีตัวละครที่ต้องเข้ามาเป็น CEO คนใหม่ แถมยังข้ามจากธุรกิจการผลิต เข้ามารับตำแหน่งในบริษัทสายเทคโนโลยีแถบซิลิคอนวัลเลย์ หลังจากเข้ามาทำงานไม่นานนัก สิ่งแรกที่เธอทำก็คือการพาผู้บริหารทุกคนไปสัมมนาร่วมกัน ซึ่งในระหว่างการสัมมนานี้เอง ที่เธอได้เห็นปัญหาการทำงานระหว่างทีมงานชัดเจนขึ้น เธอจึงค่อยๆ บอกเล่าสาเหตุที่ทำให้ทีมทำงานด้วยกันไม่ได้ผ่านการเล่าเรื่อง ซึ่ง 5 สาเหตุนี้ยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทอยู่ในสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ ด้วย
ในที่นี้จะไม่เล่ารายละเอียดในส่วนนิยายนะคะ แต่ขอบอกว่า หากอ่านตัวเรื่องด้วยแล้ว จะทำให้เข้าใจและเห็นภาพคำอธิบาย 5 สาเหตุหลักที่สรุปเป็นเนื้อหาในตอนท้ายชัดเจนขึ้นมากๆ ค่ะ ตัวเรื่องอ่านเพลินและสนุกมาก ใครที่อาจจะไม่เคยอ่าน how to จริงจัง เล่มนี้ก็น่าจะอ่านจบได้ไม่ยากเลยค่ะ
จุดบอด 5 ประการของทีม
1.ขาดความเชื่อใจระหว่างสมาชิกในทีม : ความจริงแล้วการขาดความเชื่อใจนี้มีที่มาจากการปกปิดความอ่อนแอไม่ให้คนในทีมรู้ ทีมที่ไม่มีใครกล้าเปิดเผยข้อผิดพลาดและจุดอ่อนให้คนอื่นเห็นจะไม่สามารถสร้างความเชื่อใจได้
“สมาชิกของทีมที่ประสบความสำเร็จจะไม่มีความลับต่อกัน พวกเขาไม่กลัวที่จะเผยเรื่องน่าอายของตัวเองออกมา ทุกคนสามารถเปิดเผยข้อผิดพลาด จุดอ่อน และความวิตกกังวลของตัวเองได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเพื่อนร่วมทีมซ้ำเติม”
2. ความล้มเหลวในการสร้างความเชื่อใจจะทำให้เกิดจุดบอดข้อที่ 2 นั่นคือ กลัวความขัดแย้ง ทีมที่ไม่เชื่อใจกันย่อมไม่สามารถถกเถียงกันเกี่ยวกับแนวคิดได้อย่างเต็มที่ แต่จะหันไปใช้วิธีพูดคุยอย่างระมัดระวังและเก็บงำความคิดเห็นที่แท้จริงเอาไว้
“การขาดความขัดแย้งต่างหากที่เป็นปัญหา โดยตัวมันเองแล้วความสามัคคีเป็นสิ่งที่ดี ถ้ามันเกิดจากการช่วยกันแก้ปัญหาและการก้าวผ่านความขัดแย้งไปด้วยกัน แต่ถ้าเกิดจากการเก็บงำความคิดเห็นและความกังวลเอาไว้กับตัว นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ ฉันยอมแลกความสามัคคีจอมปลอมกับทีมที่ยินดีจะถกเถียงกันอย่างสร้างสรรค์แล้วแยกย้ายกันไปโดยไม่มีอะไรติดค้างในใจ”
3. การปราศจากความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดจุดบอดข้อที่ 3 นั่นคือ ไม่ผูกมัดตัวเอง เมื่อไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมาอย่างเต็มที่ สมาชิกในทีมก็จะไม่ยอมรับและไม่ยึดมั่นในการตัดสินใจของทีม ถึงแม้พวกเขาจะแสดงท่าทีเห็นด้วยในระหว่งการประชุมก็ตาม
“ถ้าคนเราไม่ได้แสดงความคิดเห็น ไม่รู้สึกว่าคนอื่นรับฟังสิ่งที่ตัวเองพูด พวกเขาก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีม… อันที่จริงเสียงส่วนใหญ่เป็นเรื่องอันตรายมาก หมายความว่าถ้าทุกคนคิดเห็นตรงกันจริงๆ โดยอัตโนมัติก็วิเศษไปเลย แต่ปกติแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เสียงส่วนใหญ่เป็นเพียงความพยายามที่จะทำให้ทุกคนพอใจเท่านั้น”
4. เมื่อไม่ผูกมัดตัวเองและไม่ยอมรับการตัดสินใจของทีม สมาชิกก็จะไร้สำนึกรับผิดชอบร่วมกัน ผลที่ตามมาก็คือ แม้แต่คนที่มีความมุ่งมั่นและกระตือรือร้นที่สุดก็ยังไม่กล้าเตือนเพื่อนร่วมทีมที่แสดงพฤติกรรมที่ดูเหมือนจะก่อให้เกิดผลเสียต่อทีม
“เมื่อเราเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของทีมแล้ว เราต้องช่วยกันรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตกลงจะทำร่วมกัน เราต้องรักษามาตรฐานของผลงานและพฤติกรรมให้สูงเข้าไว้ โดยเฉพาะในเวลาที่เพื่อนร่วมงานแสดงพฤติกรรมไม่ดี เพราะพวกเขาไม่อยากทำให้เกิดความอึดอัดขึ้นในทีม”
5. การไร้สำนึกรับผิดชอบร่วมกันก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับจุดบอดที่ 5 นั่นคือ ไม่ใส่ใจผลลัพธ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสมาชิกในทีมให้ความสำคัญกับความต้องการของตัวเอง (เช่น ศักดิ์ศรี ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือการได้รับการยอมรับ) หรือแม้แต่ความต้องการของทีมที่ตัวเองดูแลอยู่มากกว่าเป้าหมายโดยรวมของทีมใหญ่
นอกจากการบอกเล่าจุดบอดทั้ง 5 แล้ว ในเล่มยังมีข้อแนะนำวิธีการแก้จุดบอดแต่ละข้อผ่านกิจกรรมหรือกระบวนการบางอย่างด้วย มีหัวข้อที่จะบอกว่าหากคุณอยู่ในสถานะหัวหน้าทีมคุณควรจะทำอย่างไร บอกเล่าความเชื่อมโยงของจุดบอดข้อหนึ่ง ไปยังข้อถัดๆ ไป และมีแบบทดสอบเพื่อสำรวจทีมของคุณให้ทดลองทำภายในเล่มด้วย
สำหรับใครที่ทำงานเป็นทีม ไม่ว่าจะทีมเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะไหนในทีม หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง ที่อาจจะช่วยให้คุณเปลี่ยนมุมมองในการทำงานเป็นทีม และแก้จุดบอดบางจุดที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันฝังตัวอยู่ในทีมของคุณมานานแล้ว
Enjoy building the teamwork ค่ะ