Book Review : จงเอ่ยชม พลังแห่งการใส่ใจ ใช้ที่ไหนก็สำเร็จ
เราเห็นหนังสือ O Great One ครั้งแรกจากเพจ Mission to the Moon คุณรวิศเอาเล่มนี้มาพูดถึงแล้วบอกว่าเป็นเล่มที่ชอบมาก จนซื้อแจกพนักงานทั้งออฟฟิศ พอถึงตอนปลายปี ที่คุณรวิศสรุป 10 หนังสือที่ชอบในปี 2018 หนังสือเล่มนี้ก็ยังติดโผเข้าไปด้วย
ด้วยความอยากรู้ว่าหนังสือเล่มนี้มีอะไรดีกันแน่ เราเลยหามาอ่าน และสุดท้ายตัดสินใจนำมาแปลเป็นภาษาไทยด้วย เพราะเห็นตรงกับคุณรวิศว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มที่ดีจริงๆ และแทบไม่ค่อยมีหนังสือในทางบริหารคน หรือธุรกิจที่พูดเรื่อง Recognition สักเท่าไหร่
ขออนุญาตหยิบยกคำนิยมของคุณรวิศ CEO ศรีจันทร์สหโอสถ มาบอกเล่าด้วยเลยค่ะ
“ตอนหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านไม่ได้คาดหวังอะไรเยอะครับ แต่อ่านแล้วผิดคาดมากๆ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองเรื่องการบริหารทีมไปเลย หัวใจของหนังสือที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการเล่าเรื่องที่สนุก คือความสามารถที่ทำให้เราเห็นภาพแล้วเอามาคิดตามได้กับสถานการณ์จริงที่เราเจอได้เลย ผมชอบหนังสือเล่มนี้มากถึงขนาดซื้อแจกทีมงานทุกคน และนโยบายเรื่องการบริหารทีมใหม่ๆ ที่ผมนำมาใช้ก็ได้มาจากหนังสือเล่มนี้ครับ เป็นอีกเล่มที่ถ้าอยากเข้าใจคนมากขึ้น ไม่ควรพลาดครับ”
“จงเอ่ยชม พลังแห่งการใส่ใจ ใช้ที่ไหนก็สำเร็จ” ที่แปลมาจาก O Great One นี้ เขียนขึ้นโดย David Novak ซึ่งเป็นอดีต CEO ของยัม และยังเคยได้รับรางวัล CEO ดีเด่นจากหลายสถาบันเลยทีเดียว
หนังสือบอกเล่าเรื่องราวในรูปแบบเรื่องเล่า แต่อ่านได้เพลินมาก แถมตลอดเรื่องยังสอดแทรกให้เราเห็นการเอาแนวคิดนี้ไปปฏิบัติจริง พบปัญหาจริงในหลากหลายรูปแบบ พร้อมวิธีแก้ปัญหาด้วย
เรื่องเริ่มต้นจาก “เจฟฟ์” ซึ่งต้องกลับเข้าไปรับหน้าที่ CEO ของบริษัทของเล่น Happy Face Toys ซึ่งเป็นบริษัทของปู่ และตกทอดมาที่พ่ออีกที พ่อของเขาเพิ่งจากไป และเขาก็ต้องเข้าไปรับช่วงต่อ แต่ก็ได้ค้นพบว่าบริษัทและโรงงานที่เคยรุ่งเรืองตั้งแต่ตอนที่เขาเป็นเด็ก กลายเป็นบริษัทที่ยอดขายกำลังดิ่งลงเหว และทุกอย่างก็ดูเลวร้ายไปหมด เจฟฟ์ขอเวลากับทีมบอร์ด 1 ปี เพื่อเข้าไปบริหารในแบบของตัวเอง โดยให้คำมั่นว่ายอดขายและบริษัทจะกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง
เขาตัดสินใจกลับเข้าไปเยี่ยมโรงงานใหญ่ (ที่บอร์ดตั้งท่าว่าอยากจะให้ปิดตัวลง) และได้พบในที่สุดว่าปัญหาต่างๆ นั้นเกิดจากอะไร พนักงานไม่ได้รับการเอาใจใส่ กำลังใจกำลังหดหาย สินค้าขาดนวัตกรรม ปัญหาจุกจิกในการทำงานเกิดขึ้นเต็มไปหมด แม้กระทั่งผู้บริหารที่ต้องช่วยงานเขาก็ยังไม่สนใจภาพรวม ทุกคนมองแต่ทีมตัวเองและงานตัวเองเท่านั้น
เจฟฟ์ปวดหัวกลับมาบ้าน ก่อนจะได้รับแรงบันดาลใจในการแก้ปัญหาจากหลานชายของเขา และกลับไปยังบริษัทและโรงงานในวันรุ่งขึ้น พร้อมกับนำแนวคิดในการให้ความสำคัญกับพนักงานกลับไปใช้ เริ่มต้นจากส่วนเล็กๆ ในโรงงาน ขยายเข้ามายังส่วนกลาง ก่อนจะกระจายไปยังบริษัทอื่นๆ ที่ต่างประเทศด้วย
บทท้ายๆ ของหนังสือสรุปแนวคิดในเรื่องการให้ความสำคัญไว้ดังนี้ค่ะ
การให้ความสำคัญ หรือการแสดงความรู้สึกซาบซึ้งอย่างแท้จริง เป็นรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจ ด้วยการปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้ คุณสามารถใช้มันเพื่อผลักดันผู้คนรอบตัวคุณ ขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์ และเติมเต็มความรู้สึกทั้งของคุณเองและของผู้อื่นไปได้พร้อมๆ กัน!
หลักการข้อที่ #1:คนอื่นจะไม่สนใจคุณ ถ้าคุณไม่สนใจคนอื่น
คุณต้องแสดงให้ผู้คนเห็นว่าคุณใส่ใจพวกเขาก่อนจะคาดหวังสิ่งใดจากพวกเขา
หลักการข้อที่ #2:วิธีที่ดีที่สุดที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณใส่ใจคือการรับฟัง
ผู้คนจะไม่เชื่อว่าคุณใส่ใจพวกเขา ถ้าคุณไม่แบ่งปันเวลามารับฟังและรับรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาต้องการพูด นอกจากนี้ คนอื่นอาจจะรู้ในบางสิ่งที่คุณไม่รู้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็มีค่าที่เราจะรับฟังทั้งนั้น
หลักการข้อที่ #3:ไอเดียดีๆ มีได้จากทุกที่
ไอเดียดีๆ ไม่จำเป็นต้องมาจากผู้บริหารระดับสูงหรือคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดเสมอไป อันที่จริงไอเดียดีๆ ส่วนมากไม่ได้มาจากที่นั่นด้วยซ้ำ ความคิดอันยอดเยี่ยมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกองค์กร เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ต้องค้นหาและสนับสนุน ไอเดียที่ดีอย่างไรก็เป็นไอเดียที่ดีไม่ว่าจะมาจากไหนก็ตาม เพราะฉะนั้นจงมองทุกคนในฐานะแหล่งที่มาของความคิดที่ยอดเยี่ยม
หลักการข้อที่ #4:ชื่นชมผลงานและความคิดที่ยอดเยี่ยมทุกที่ทุกเวลาที่คุณเห็น
ผู้นำที่ดีจะยกย่องความคิดของผู้อื่นมากพอๆ กันกับความคิดของตัวเอง หรือยกย่องมากกว่าด้วยซ้ำ พวกเขาจะทำตามความคิดนั้นในทันที ทำอย่างจริงจัง และทำจากใจ อันที่จริง ยิ่งคุณทำได้รวดเร็วแค่ไหนก็ยิ่งดีแค่นั้น อย่ารอจนถึงนัดประชุมประจำเดือนหรือการประเมินผลงานประจำปีที่จะแสดงให้คนของคุณเห็นว่าคุณพึงพอใจกับงานที่พวกเขาทำมากแค่ไหน หรือเชื่อในความคิดที่พวกเขานำมาใช้มากแค่ไหน โอกาสที่จะยกย่องให้ความสำคัญกับผลงานดีๆ มีอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจงมองหาโอกาสนั้นและใช้มันให้เต็มที่
หลักการข้อที่ #5:จงใช้การให้ความสำคัญเพื่อเร่งให้เกิดการสร้างผลลัพธ์
นี่ไม่ใช่การให้รางวัลผู้คนเพียงเพราะเขาทำงานมานาน เหตุผลที่คุณจะยกย่องให้ความสำคัญใครสักคนจะต้องเชื่อมโยงกับเป้าหมายในโลกแห่งความเป็นจริง และเป้าหมายที่คุณหรือองค์กรพยายามทำให้สำเร็จ จงให้รางวัลในสิ่งที่ถูก แล้วสิ่งที่ถูกต้องจะตามมา การให้รางวัลในสิ่งที่ไม่ใช่ก็เท่ากับว่าคุณกำลังส่งสารผิดๆ ว่าอะไรกันแน่ที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และการเชื่อในการให้ความสำคัญไม่ได้หมายความว่าคุณจะยอมปล่อยผ่านให้กับการทำงานแย่ๆ
หลักการข้อที่ #6:ทำให้การให้ความสำคัญเป็นเรื่องสนุก
ทุกคนจะอยากมีส่วนร่วมในการให้ความสำคัญ ถ้าคุณสร้างมันให้เป็นประสบการณ์สำหรับการแบ่งปันที่สนุกสนานสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่กับคนที่ได้รับคำชื่นชมเท่านั้น
หลักการข้อที่ #7:ทำให้มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว
นั่นล่ะครับ ทำให้มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวสำหรับคุณและคนที่คุณให้ความสำคัญ อย่าทำแค่การมอบประกาศนียบัตรหรือโล่เวลาที่คุณอยากจะยกย่องคนที่ทุ่มเททำงาน ให้ใส่ตราประทับในแบบฉบับของคุณเข้าไปในรางวัลที่คุณมอบด้วยเพื่อทำให้มันมีความหมายยิ่งขึ้น น่าจดจำยิ่งขึ้น สนุกทั้งสำหรับตัวคุณเองและคนรอบตัว และต้องทำให้แน่ใจด้วยว่าคุณได้สร้างความเฉพาะตัวให้กับแต่ละรางวัลด้วยการระบุให้ชัดเจนว่าคนคนนั้นทำอะไรจึงได้รับรางวัลที่ว่า!
หลักการข้อที่ #8:การให้ความสำคัญเป็นเรื่องสากล
ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ อยู่ในสถานะไหน หรือสัญชาติใด ผู้คนต่างก็รักคำชื่นชมสำหรับงานที่พวกเขาทำได้ดีและตัวตนที่พวกเขาเป็น
หลักการข้อที่ #9:การให้ความสำคัญเป็นเอกสิทธิ์พิเศษ
อย่ามองว่าเรื่องนี้เป็นแค่หนึ่งในสิ่งที่ต้องทำในฐานะผู้นำ เมื่อใช้การให้ความสำคัญอย่างถูกวิธี มันก็จะเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงความรู้สึกของผู้คน และทำให้พวกเขารู้สึกดีกับตัวเอง ด้วยการเติมเต็มความรู้สึกของผู้อื่นนี้เอง ในทางกลับกันคุณก็จะได้เติมเต็มความรู้สึกของคุณด้วย มันดีกับทั้งผู้ให้และผู้รับไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย!
หลักการข้อที่ #10: พูดขอบคุณทุกคนในทุกครั้งที่มีโอกาส
คำสองพยางค์ที่ทรงพลังที่สุดก็คือคำว่า‘ขอบคุณ’ มันพูดง่ายและไม่ต้องใช้เงิน เพราะฉะนั้นจงใช้มันให้บ่อย!
อันที่จริงสำหรับเราแล้ว เสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้มาจากเรื่องราวในตอนต้นที่กลมกล่อมและผสมผสานกับการให้ความรู้ได้อย่างลงตัวมากๆ คุณจะเห็นภาพและได้อะไรๆ มากขึ้นเยอะค่ะ หากได้อ่านครบทั้งเล่ม
ครั้งสุดท้ายที่คุณบอกทีมงานว่าพวกเขาสำคัญ…ผ่านมานานแค่ไหนแล้วคะ หวังว่าหนังสือเล่มนี้ และบทความนี้จะช่วยให้คุณหันกลับไปให้ความสำคัญกับพวกเขามากขึ้นนะคะ :D